Western คาวบอยตะวันตก

Western คาวบอยตะวันตก

Western คาวบอยตะวันตก

Western คาวบอยตะวันตก อันดับหนังคาวบอยยิงสนั่นที่อยากเสนอแนะ Western Movies ถึงแม้ในปัจจุบันอุตสาหกรรมภาพยนตร์จะมาไกลที่สุดทั้งยังในด้านของทุนการสร้าง คอมพิวเตอร์กราฟฟิก (CG) บทที่ทวิตกันตลอดให้ลุ้นกระทั่งหลังแข็ง CGI ที่สมจริงจนสร้างทั้งหมดทุกอย่างเท่าที่จินตนาการของคนเราเพียงพอจะนึกออกได้ จนเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ที่ทยอยออกมาให้เราได้รับดูทุกอาทิตย์อย่างไม่ขาดสาย แต่ในโลกภาพยนตร์ก็ยังมีหนังแนวหนึ่งที่เกิดขึ้นเกือบจะพร้อมๆกับวงการหนังเกิดกันอย่างยิ่งจริงๆ

นั่นคือ หนังแนวยิงปืน แบบคาวบอย[br]เสน่ห์ของเรื่องแน่นอนขั้นแรกคือการยิงกันหูดับตับทะลุ รวมถึงบรรยากาศของตะวันตกแบบพีเรียด ที่หาไม่ได้อีกแล้วบนโลกใบนี้ ชายฉกรรจ์ ม้าคู่ใจ แล้วก็ปืน ต้นสายปลายเหตุคลาสสิคเช่นนี้ ผสมกับการเล่าเรื่องของการต่อสู้กับสังคมและก็คนภายในสมัยนั้นๆความลำบากตรากตรำในสมัยกล้ำกึ่งระหว่างการพัฒนากับซากของรอยต่อยุคสมัย การใช้อำนาจในทางที่ผิด และก็การล้างแค้น! จะว่าไปนี่คือสิ่งที่ยังเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน มีเพียงแค่ม้าแค่นั้นที่พวกเราไม่ค่อยเห็น ยิ่งกว่านั้นยังเกิดขึ้นวันแล้ววันเล่า…

หวนกลับมาก่อนจะออกสมุทรไปจนไม่เห็นคาวบอย วันนี้เราขอเสนอแนะ 10 หนังคาวบอยน่าสนใจ ทั้งใหม่ทั้งยังเก่า Western คาวบอยตะวันตก ให้ทุกคนที่นิยมแนวนี้หามารับดูกัน การันตีรางวัลรวมทั้งความสนุกสนานร่าเริงว่าจะไม่เสียดายเวลาในชีวิตแน่ๆ

Western คาวบอยตะวันตก

1. THE MAGNIFICENT SEVEN

ผู้กำกับ Antoine Fuqua เขียนบท Akira Kurosawa, Shinobu Hashimoto, Hideo Oguni นักแสดงนำ Denzel Washington, Chris Pratt, Ethan Hawke ความยาวหนัง 132 นาที หนังเรื่องใหม่จาก ผู้กำกับ The Equalizer แล้วก็ Training Day ซึ่งสำหรับบ้านพวกเราจะเข้าฉายในเร็ววันนี้ เกี่ยวกับ ยุคทองของปืนและเหมืองทอง รวมถึงการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามรัฐในเมือง Rose Cheek ภายใต้การควบคุมของนักธุรกิจมหาอำนาจ

บาร์โธโลมิว โบ๊ค ชาวกรุงต่างตกอยู่ภายใต้อำนาจมืด พวกเขาอยากการปกป้องคุ้มครองจึงตัดสินใจว่าจ้างผู้กระทำผิดกฎหมายอีกทั้งเจ็ด อีกทั้งนักล่าเงินรางวัล, นักเล่นการพนัน และก็มือปืนรับจ้าง แนวๆว่าจะกำจัดคนโฉด ต้องใช้ผู้ที่โฉดเสมอกัน หรือโฉดกว่า แน่ๆว่าจะเป็นหนังที่บันเทิงใจอย่างไม่ต้องคิดมากอย่างยิ่งจริงๆ ผู้กำกับคนนี้เชื่อใจได้แน่ๆ ดาราคู่บุญจำเป็นต้องกล่าวว่าเราเป็นติ่งมากมายๆเช่นเดียวกัน

2. The Good, The Bad, and The Ugly

ผู้กำกับ Sergio Leone ผู้แสดงนำฝ่าย Clint Eastwood, Eli Wallach, Lee Van Cleef ความยาวหนัง 161 นาที ช่วงของสงครามกลางเมืองหนุ่มของทหารฝ่ายเหนือทำศึกกับข้างใต้อย่างเหนื่อยล้ามาเป็นระยะเวลานาน พวกเขาต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่จนถึงมีการสร้างชาติและประชาธิปไตย

ก่อการเลิกข้าทาสสืบทอดมาถึงบ้านพวกเราในรัชกาลที่ 5 ขณะที่การศึกกลางเมื่อกำลังปะทุ ระหว่าง The Union แล้วก็ The Confederacy ชายสามคน ได้แก่ ชายผู้เคร่งขรึมและเงียบ ,นักฆ่าผู้โหดเหี้ยม,และก็ขุนโจรชาวเม็กซิโก กับการตะลุยดินแดน อเมริกาตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อตามหา หีบสมบัติ ที่ใส่ทองที่หายไป ราคา 200,000 US

รีวิวหนัง The Lone Ranger

เห็นหน้าหนังถึงจะคาวบอยขนาดนี้ แม้กระนั้นไม่เชื่อก็จำเป็นต้องเชื่อว่าผลงานเรื่องใหม่ของ กอร์ เวอร์บินสกี้ ที่ Pirates of the Carribbean ใช้ทุนสร้างไปทั้งสิ้น 250 ล้านเหรียญ กับหนังที่ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงมาจากโทรทัศน์ซีรี่ย์อย่าง The Lone Ranger ที่มีนักแสดงคู่บารมีอย่าง จอห์นนี่ เดปป์ พ่วงด้วย อาร์มี่ แฮมเมอร์ มารับบท 2 ฮีโร่จำเป็นต้อง ที่จะต้องสกัดการเกิดการศึกระหว่างชนเผ่า อินเดีย แล้วก็ คนเมืองตะวันตก ในสไตล์คาวบอยจัดหนัก

เดอะ โลน เรนเจอร์ ?

หน้ากากพิฆาตอธรรม? การเสี่ยงอันตรายสุดตื่นเต้นที่เต็มไปด้วยแอ็คชั่นรวมทั้งอารมณขัน ที่ซึ่งวีรบุรุษภายใต้หน้ากากได้ถูกปลุกชีพขึ่นมาผ่านมุมมองใหม่ ทอนโต้ (จอห์นนี่ เดปป์) ทหารพื้นบ้านอเมริกันกลับมาอีกครั้งกับเรื่องราวของความเคลื่อนไหว จอห์น รีด (อาร์มี่ แฮมเมอร์) ชายผู้ผดุงกฎหมาย ให้แปลงเป็นตำนานที่ความถูกต้อง ที่จะพาผู้ชมไปสู่มหากาพย์การเสี่ยงอันตรายสุดตื่นเต้น., น่าประหลาดใจ, แล้วก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ของ 2 วีรบุรุษต่างขั้วที่ทำความเข้าใจสำหรับในการร่วมมือ

โดยส่วนตัวนั้น ครั้งก่อน หนังสไตล์คาวบอยเป็นอะไรที่ส่วนตัวผมนั่นออกจะชื่นชอบมากมายๆโดยเฉพาะหนังคาวบอยของ คลินท์ อีสต์วู้ด เพราะเหตุว่ามันเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินแบบที่ทั้งยัง ตื่นเต้น และ หรู จนถึงมาถึงสมัยการมาของ Wild Wild West ที่ประสมประสานกับเรื่องของ ไซไฟ

ถึงจะผิดเพี้ยน รวมทั้ง เจ๊งถล่มทลาย แต่กระนั่นส่วนตัวก็ยังมีความรู้สึกว่ามันยังมีความเพลิดเพลินที่พอเพียงจะมองเพลิดเพลินเล่น เป็นหนังป๊อปคอร์นได้อย่างไม่เสียหาย ซึ่งโน่นก็เช่นเดียวกับ The Lone Ranger หนังคาวบอยที่เปิดตัว และ หว่านล้อม คนดู เหมือนจะเอ๋ยถึงเรื่อง ความยุติธรรม ในด้านมุมของ ‘หากไม่พบกับตัวไม่เคยทราบหรอก’

ผ่านนักแสดง จอห์น รี๊ด

ทนายหนุ่มที่เชื่อถือว่าทุกๆอย่างควรเป็นไปตามกฏหมาย จนถึงได้มาพบเรื่องราวปั่นป่วนๆทั้งหลายแหล่ เนื่องจากว่าแม้หนังจะมีความยาว 150 นาที แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่าเพราะอะไรหนังถึงจงใจที่จะเน้นเรื่องราวการนำพาเหตุการณ์วายป่วง ที่หลายอย่างก็ดูวนเวียน ซ้ำซากจำเจ มากกว่าจะนำเวลาส่วนใหญ่มาเสริมบทความเข้มแข็งของผู้แสดง

ทั้งยังมันยิ่งเกิดเรื่องน่าประหลาดยิ่งกว่า ในเมื่อผลงานเรื่องก่อนของผู้กำกับอย่าง Rango อนิเมชั่น กิ้งก่าคาวบอย ที่ทำเคารพหนังแนวนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ว่าพอเพียงมาใน The Lone Ranger หนังกลับหายในสิ่งที่เรียกว่า เสน่ห์ตะวันตก แล้วก็เหลือไว้ก็แค่ โปรดักชั่น ที่แสดงออกว่า ‘เราคือหนังคาวบอย’ แต่คนดูไม่สามารถทดลองชิมรสของมันดูได้ แม้ว่าจะได้ดาราระดับ จอห์นนี่ เดปป์ มาร่วมแสดงในบทที่สติไม่ดีแสนบ้า มากขึ้นก็ตาม

สิ่งที่หลงเหลืออยู่ไว้ให้หนังมีคุณงามความดี ความชื่นชอบ เต็มๆอาจหนีไม่พ้นฉากแอ็คชั่นสเกลใหญ่ ที่ระเบิดเทือกเขา เผารถไฟ ฆ่าประชาชนเกษตรกร กันแบบหนำใจทุนสร้าง 250 ล้านเหรียญกันไปเลย ซึ่งนับว่าเป็นจุดขายหลักของตัวหนังกับด้านของ ความรื่นเริงใจ ที่ผู้กำกับ กอร์ เวอร์บินสกี้ ยังสามารถจัดเต็มมาให้ผู้ชมได้อย่างน่าชื่นชอบ โดยยิ่งไปกว่านั้นในตอนไคล์แมกซ์ ช่วงท้าย ที่มีการดึงเอา เพลงธีมหลักของ The Lone Ranger

มาใช้ในฉากซึ่งพูดได้ว่าเป็นช่องทางที่ดี และก็กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ความสนุกสนานในแบบฉบับตะวันตกที่ยังแตะต้องได้ อยู่ช่วงระยะนึง กระทั่งอาจเรียกได้ว่า แม้ว่าด้านตัวบทจะดูยืดยาว , เสน่ห์ของหนังจะไม่เอาไหน แม้กระนั้นถ้าหากทำฉากแอ็คชั่นออกมาลำพองใจขนาดนี้ The Lone Ranger ก็จัดว่าเป็นหนังซัมเมอร์อีกหัวข้อนึง ที่สามารถมองเพลินๆได้ไม่เสียดายตังค์ครับผม

รีวิวหนัง BAD BOYS FOR LIFE

จัดเตรียมบ้าดีเดือดกันอีกทีในรอบ 17 ปีกับตำรวจคู่คิดคู่ฮา “ไมค์ ลอว์ปรี่” และก็ “มาร์คัส เบอร์เนตต์” ในภารกิจบู๊สนั่นที่บางครั้งอาจจะกลายเป็นหนสุดท้ายของพวกเขา มาร์คัสนั้นพร้อมเกษียณอายุตนเองจากแวดวงตำรวจ แต่จะต้องกลับมาลุยอีกรอบเมื่อไมค์ตกเป็นเป้าสังหารของกลุ่มเอเยนต์ค้ายาเสพติดที่โหดร้าย ทำให้มาร์คัสต้องกลับมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนรัก

ภาค 1 แล้วก็ภาค 2 เป็นหนังได้รับความนิยมระเบิดในปี 1995 และ 2003 เป็นหนังกลางแจ้งเกิดให้กับผู้กำกับอย่าง Michael Bay ซึ่งน่าเสียดายที่เขาไม่ได้กลับมาดูแลในภาคนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Adil El Arbi รวมทั้ง Bilall Fallah สองผู้กำกับหน้าใหม่ชาวโมร็อกโก ดีกรีรางวัลดิสคัฟเวอรี อวอร์ด จากเทศกาลหนังโตรอนโตปี 2015 แต่ยังคงอำนวยการสร้างโดย Jerry Bruckheimer ดังเดิม

The Ballad of Buster Scruggs เป็นหนังฉายลงเน็ตฟลิกซ์ Western คาวบอยตะวันตก ที่ได้ผู้กำกับสายรายวัลเข้มข้นอย่างลูกพี่ลูกน้องวัวเอน อีกทั้งโจเอล รวมทั้งอีธาน มาเขียนบทและดูแลด้วยกัน โดยเรื่องราวจะเป็นบทๆแยกกันปริมาณ 6 บท เรียงร้อยผ่านหนังสือนิยายแนวคาวบอยชื่อว่า The Ballad of Buster Scruggs ซึ่งมีบทแรกของหนังเป็นชื่อเดียวกับหนังสือด้วย

โดยก่อนจะเข้าแต่ละบทหนังจะใบ้พวกเราด้วยหน้ารูปภาพของบทนั้นๆราวกับหนังสือเก่าๆและมีใจความที่สำคัญตอนนั้นๆโดยเราจะยังโยงไม่ถูกว่าจะเป็นยังไง ซึ่งขอบอกเลยว่าท่าทางพราวแพรวของญาติโคเอนเขาสำแดงความสามารถกันสุดกำลัง บทสำหรับพูดและการเดินเรื่องน่าดึงดูด และก็เดาได้ยากมากมาย ทุกจังหวะคือความเซอร์ไพรส์ผู้ชมตลอดเวลา เป็นถ้าเกิดทดลองเริ่มมองไปแล้วจะมีแม้กระนั้นความอยากใคร่รู้ ไม่น่าเบื่อเลยจริงๆ

https://www.ap0calypse.com/