รีวิว Journey 2

Journey 2

รีวิว Journey 2 The Mysterious Island | ผจญเกาะมหัศจรรย์ที่ไม่หรรษาเท่าไร

รีวิว Journey 2 วันหยุดที่ต้องการจะออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน การวิ่งเล่นที่ชอบทำเสมอๆคือ การวิ่งไปนั่งพักผ่อนในโรงหนัง นั่งมองภาพเคลื่อนไหวที่ถูกฉายลงบนหน้าจอยักษ์ มีเสียงประกอบรอบทิศรอบทาง ในวันที่รู้สึกเบื่อๆเซ็งๆโรงภาพยนต์ชอบเป็นที่พึ่งพิงเป็นประจำวันนี้ล่ะ จะเป็นอย่างไรบ่ายวันนั้น ผมได้ไปดูภาพยนตร์หัวข้อนี้ ด้วยมิได้คาดหมายอะไรมากไปกว่าเพื่อความบันเทิงอารมณ์ กับภาพงามๆในแบบ 3 มิติ ในโรงที่ผมยังไม่เคยได้สัมผัส โรงภาพยนตร์แบบ RealD 3D นั่นเอง ใช่แล้วนี่เป็นเรื่องแรกของผมกับระบบๆนี้ “Journey 2: The Mysterious Island”ใส่แว่น 3 มิติน้ำหนักเบาๆสบายตาด้วยสีสันที่ไม่ดร็อปลงไปราวกับบางระบบ นับว่าน่าประทับใจพอควรทีเดียวกับการรับดูภาพยนตร์ในต้นแบบ RealD 3D ตอนนี้มาว่ากันถึงรายละเอียดของหนังกันบ้างเรื่องของเรื่อง มันมีต้นเหตุจากการที่หลานเกิดได้รับสัญญาณบางสิ่งบางอย่างจากสถานที่ลึกลับ เขาเชื่อว่านั่นเป็นเนื้อความจากปู่ผู้หายสาบสูญไปนาน ก่อนที่จะได้เจอปัญหาที่ร่วมกันถอดกับพ่อเลี้ยงของตนว่า

มันเป็นที่ของเกาะลึกลับที่ไม่เคยมีคนไหนกันค้นพบรวมทั้งกล้าที่จะไปถึง ด้วยเพราะเหตุว่าที่นั่งมีสภาพภูมิอากาศที่หฤโหดสุดๆแนวทางครั้งนี้ ลูกบุญธรรมและพ่อเลี้ยงจะต้องไปเผชิญภัยเพื่อตามหาปู่ร่วมกันแต่ว่าความอลังการของงานภาพก็ดูเหมือนจะทำให้เกาะแห่งนั้นมองพิศดารเกินกว่าจะมีบนโลกไปอย่างมองขัดหูขัดตา ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างมองผิดเพี้ยนไปหมด ทั้งยังขนาดของสิ่งมีชีวิต ลักษณะพรรณไม้และก็พื้นที่ ซึ่งต่างชัดแจ้งกับโลกที่พวกเขาจากมา แม้กระนั้นโน่นก็ยังไม่เท่าการผูกเรื่องในแบบด้ามจับโน่นมาชนนี่อย่างวุ่นวาย ก่อนที่จะบากบั่นเดินทางสู่ตอนจบอย่างน่ากระดาก ในเวลาที่คำพูดตลกค่อนข้างจะทำเป็นโอเค ไม่มาก

แม้กระนั้นก็ไม่น้อยเกินความจำเป็นสิ่งที่ดูดีที่สุดใน “Journey 2 พิชิตเกาะพิศวงประหลาดสุดโลก”

ก็อาจจะเป็น 3D ที่มองเพลินๆนี่แหละ หลายฉากเลยทีเดียวที่เล่นกับความเป็น 3 มิติ แม้กระนั้นก็พบว่ามันยังไม่จุใจ ไม่ทันไร หนังก็พาพวกเราไปสู่จุดจบเสียแล้ว เมื่อเนื้อเรื่องไม่น่าสนใจ แต่ว่าถ้าหากงานภาพเน้นย้ำกว่านี้อีกสักนิดสักหน่อย ก็น่าจะกลบไปได้มากนี่ขนาดดูหนังแบบไม่คิดมากมายนะเนี่ย

ในวันที่น่ารำคาญ ดูหนังสักเรื่องก็ไม่ช่วยอะไรเลยชื่อภาพยนตร์ : Journey 2: The Mysterious Island / พิชิตเกาะพิศวงแปลกประหลาดสุดโลกผู้กำกับหนัง : Brad Peyton

ผู้เขียนบทหนัง : Brian Gunn (screenplay), Mark Gunn (screenplay)

ดารานำ : Josh Hutcherson, Dwayne Johnson, Michael Caine, Luis Guzmán, Vanessa Hudgen

sแนว/ประเภท : Action, Adventure, Comedyเรท : ไทย/, USA/PG

ความยาว : 94 นาที

ผู้สร้าง/ผู้แทนจำหน่าย : New Line Cinema, Contrafilm, Walden Media

วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 2 กุมภาพันธ์ 2555ความคิดเห็นหลังชม Journey 2: The Mysterious Island 3D

การผจญภัยอันโลดโผน กับเรื่องราวที่ติงต๊อง

Journey to the Center of the Earth หนังภาคแรก เคยเป็นหนังที่พรีเซ็นท์ 3 มิติแบบเต็มต้นแบบเรื่องแรกของโลกในปี 2008 เรื่องราวการเสี่ยงภัยของนักแสดงเทรเวอร์ แอนเดอร์สัน แล้วก็หลานชาย ฌอน แอนเดอร์สัน ที่เดินทางเข้าไปในใจกลางโลกเพื่อหาพี่ชายของเทรเวอร์ที่มีชื่อว่าแม็กซ์ การกลับมาอีกทีในหนังภาคสอง Journey 2: The Mysterious Island เป็นการเผชิญภัยของนักแสดงฌอน แอนเดอร์สัน และพ่อเลี้ยง แฮงค์ เพื่อตามหาเกาะมหัศจรรย์ รวมทั้งคุณปู่ที่จากจากกันไปนาน ด้วยการนำเสนอในรูปแบบ 3 มิติอีกเช่นเคย

แต่มาพร้อมเทคโนโลยีที่กล่าวไว้ว่าระบบเดียวกับหนัง Avatar ซึ่งต้องดีมากยิ่งกว่าหนังภาคแรกแน่นอนจะคืออะไร ไปติดตามกันต่อจากภาคแรกมาจนถึงภาคสอง หนังยังเอ่ยถึงการเสี่ยงอันตรายตามเคย แต่ว่าเปลี่ยนสถานที่จากใจกลางโลกมาเป็นใจกึ่งกลางเกาะ และเปลี่ยนตัวละครหลักหลายตัว โน่นเป็นตัดนักแสดงเทรเวอร์ของกางรนดอน เฟรเซอร์ออกไปซะ

โดยใส่ผู้แสดงแฮงค์ของชายหนุ่มล่ำกล้ามโตอย่าง ดเวย์น “เดอะ ร็อค” จอห์นสัน เข้ามาแทน ตัดนักแสดงหญิงอย่างฮันนาห์ของอนิต้า ไบรเอ็มออกไป รวมทั้งเพิ่มตัวละครวัยรุ่นหญิง เคลลานี่ ของดาราวัยรุ่น วาเนสซ่า ฮัดเจนส์เข้ามาแทน และภาคสองนี้ยังเพิ่มผู้แสดงตลกเข้ามาสร้างเสียงหัวเราะอีก 1 ตัว นั่นเป็น กาบาโต้ บิดาของเคลลานี่ รับบทบาทโดยลูอิส กัซแมน ดารารุ่นใหญ่ชาวเปอร์โตริโก้เก๋

ในหนังภาคแรกที่พาเราไปเสี่ยงอันตรายใจกลางโลก หนังเสนอสีสันอันวิจิตรตระการตามากมายก่ายกอง ทั้งยังสิ่งมีชีวิตอันพิลึกที่อาศัยอยู่ในความมืด โดยเราจะได้เห็นฉากต่างๆในแบบเรืองแสงในที่มืด เพราะว่ามันอยู่ลึกลงไปใต้ดิน ส่วนในหนังภาคสองจะพาเราไปผจญภัยแกนกลางเกาะน่าพิศวง เสนอสีสันอันตระการตาอีกที สิ่งมีชีวิตที่แปลกตา รวมทั้งสิ่งมีชีวิตที่เคยชิน แต่ว่าเป็นในทางตรงกันข้าม

พูดอีกนัยหนึ่ง เล็กจะแปลงเป็นใหญ่ ใหญ่จะกลายเป็นเล็ก ด้วยเหตุผลดังกล่าวเราจะได้เห็นสัตว์ตัวเล็กในขนาดใหญ่โต ไม่ว่าจะเป็น ตะขาบยักษ์ กิ้งก่ายักษ์ มดยักษ์ นกยักษ์ ผึ้งยักษ์ แมงมุมยักษ์ และยังรวมไปถึงปลาไหลไฟฟ้ายักษ์ และก็จะได้มองเห็นสัตว์ตัวใหญ่ในขนาดเล็กจิ๋ว ซึ่งก็ได้แก่ ช้างจิ๋ว และปลาฉลามจิ๋ว และได้เห็นบรรยากาศความสวยสดงดงามในมุมกว้างของธรรมชาติ

ป่าเขาลำเนาไพร น้ำตก หิน แล้วก็อาณาจักรแอตแลนติสที่หายสาบสูญ!ในส่วนของเนื้อหา คนเขียนบทของภาคแรกและก็ภาคลำดับที่สองเป็นคนละชุดกัน แต่ทั้งสิ้นก็อ้างอิงเนื้อเรื่องมาจากนิยายของจูลส์ เวิร์นด้วยกันทั้งสิ้น การเอารายละเอียดในนิยายมาเขียนใหม่เป็นบทภาพยนตร์ ถ้าให้เทียบกัน ในหนังภาคแรกดูมีมิติมากยิ่งกว่า รายละเอียดดูโอเวอร์น้อยกว่า ส่วนในหนังภาคสอง รายละเอียดมองติงต๊องเกินความจำเป็น ติงต๊องตั้งแต่เริ่มเรื่อง นึกแป๊บเดียวก็ทราบแล้วว่าต้องไปเกาะไหน จำเป็นต้องไปที่ใด

อะไรมันจะง่ายปานนั้น! แต่ก็เข้าใจว่าหนังต้องการรวบรัดให้เร็ว ๆ เพื่อมุ่งหน้าเพื่อไปสู่หัวข้อสำคัญของหนัง หมายถึงภาพความสวยของเกาะมหัศจรรย์ในส่วนของภาพความงาม หนังเรื่องนี้สอบได้ ด้วยเหตุว่าหัวข้อหลักมันก็อยู่ที่ตรงนี้ล่ะ มิได้เน้นย้ำรายละเอียดแต่อย่างใด โดยเหตุนี้ฉากต่าง ๆ จึงใส่สีสันเข้าไปสุดกำลัง ไม่ว่าจะเป็นฉากมุมกว้างของเกาะมหัศจรรย์ ที่พวกเราจะได้มองเห็นภูเขาไฟทองท่ามกลางกรุ๊ปก้อนเมฆ มองเห็นน้ำตกที่ร่วงจากช่องเขาลงสู่ระดับล่าง หรือสิ่งมีชีวิตอย่างช้างจิ๋ว

กิ้งก่ายักษ์ ผึ้งยักษ์ ที่ทำออกมาได้น่าตื่นตา มองดูไปแล้วดูสดชื่นเพราะว่าความสว่างไสว ต่างจากในภาคแรกที่เราจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ เรืองแสงในที่มืดเว้นแต่ความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว ยังจะได้เห็นอาณาจักรแอตแลนติสที่หายสูญ หนังพรีเซ็นท์ฉากนี้ออกมาเพียงเล็กน้อยในมุมกว้าง มีการเดินไปเยี่ยมชมแค่แป๊บ และก็ตอนท้ายก็ให้เห็นการจมลงใต้ห้วงมหาสมุทรของอาณาจักรแอตแลนติส ซึ่งฉากน้ำซัดเข้ามาในเมืองก็ดูงามทีเดียวแต่ในความสวยนั้นก็ยังมองออกว่างามในระยะแคบ ๆ เพราะเมื่อดูดี ๆ ฉากในมุมกว้างจะเหมือนจริงเพียงแต่ในระยะใกล้ ๆ แม้กระนั้นเมื่อดูไปไกล ๆ ภาพมองไม่ค่อยเหมือนจริง

เดาเอาก็รู้ว่าหนังต้องให้นักแสดงยืนอยู่ แล้วเบื้องหลังเป็นบลูสกรีนหรือไม่ก็กรีนสกรีนเพื่อใส่แบ็คกราวด์เข้าไป แต่ว่าถ้ามองรวม ๆ แล้วหลังจากนั้นก็โอเคล่ะในเรื่องของของความตื่นเต้น ภาคนี้ได้เปรียบกว่าภาคแรกเพราะเหตุว่ามีพื้นที่กว้างขึ้น ในภาคแรกถ้าเกิดจะให้แอ๊กชั่น มันก็จะเกิดขึ้นในที่แคบ ๆ ไม่ไหลลงเนินก็หล่นลงหลุม แต่ว่าในภาคนี้ได้ท้องฟ้า พื้นดิน ท้องทะเล มาเป็นเบื้องหลัง ทำให้สามารถแสดงท่าทางแอ๊กชั่นได้มากขึ้น ซึ่งพวกเราก็จะได้มองเห็นฉากวิ่งหนีกิ้งก่ายักษ์ ฉากขี่ผึ้งยักษ์หนีนกยักษ์

ฉากในน้ำทะเลกับปลาไหลไฟฟ้ายักษ์ ซึ่งฉากทั้งหลายแหล่นี้ก็มาพร้อม 3 มิติ ซึ่งทำให้มองบันเทิงใจอีกด้วย แม้ว่าจะไม่ได้โชว์ความตื้นลึกหนาบางพอ ๆ กับในหนัง Avatar ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันก็ตามฉากตื่นเต้นทั้งหลายเป็นส่วนที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับหนังได้ดีที่สุด นอกจากนั้นก็จะให้อารมณ์ความรักวัยรุ่น ความรักบิดาลูก และก็ฉากเดินไปพล่ามไปของตัวละคร

แต่ว่าก็ยังสอดแทรกฉากขำขันไว้เป็นระยะ ๆ เป็นต้นว่า ฉากกระเพื่อมอกของเดอะร๊อค ที่เขาพรีเซนต์เต็มกำลัง แม้กระนั้นเว้นแต่พวกเราจะได้มองเห็นฉากกระเพื่อมทรวงอกแล้ว เรายังจะได้มองเห็นความสามารถสำหรับในการขับร้องของเดอะร๊อคด้วย เสียงดีอย่างยิ่งจริง ๆ !ความเป็น 3 มิติในเรื่องนี้ก็ให้มองเห็นกันในมุมกว้างตามฉากต่าง ๆ แล้วก็ฉากแอ๊กชั่น 3 ฉากใหญ่เป็น หนีกิ้งก่ายักษ์ หนีนกยักษ์ รวมทั้งสู้ปลาไหลกระแสไฟฟ้ายักษ์ และยังมีฉากภาพทะลุจอบ้างประปราย ฉากที่ต้องการที่จะให้มีนานกว่านี้คือฉากสู้กับปลาไหลไฟฟ้ายักษ์ หากมีนานกว่านี้น่าจะสนุก

https://www.ap0calypse.com

My Review

Review Form...

Reviews

Loading Reviews...